เติบโตไปพร้อมโอกาส

เชื่อไหมว่าก็ยังมีข่าวดีเกี่ยวกับเศรษฐกิจเช่นกัน โดยแหล่งข่าวนั้นมาจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปีนี้ นักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรเหล่านี้ได้ทำนายว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะโตขึ้น 4.6 ถึง 4.8 เปอร์เซ็นต์ในปี 2023 ซึ่งจะนับเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ของการเติบโตในเศรษฐกิจโลก โดยสาเหตุหลักมาจากการที่จีนเลิกใช้นโยบายปลอดโควิด ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ และการพัฒนาอันแข็งแกร่งในอินเดีย รายงานการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียระบุไว้ว่า “การเติบโตในสาธารณรัฐประชาชนจีนจะพุ่งไปแตะถึง 5 เปอร์เซ็นต์ในปี 2023 ซึ่งเพิ่มจาก 3 เปอร์เซ็นต์ในปี 2022” และจะยิ่งดีขึ้นไปอีกในอินเดีย ซึ่ง ADB ทำนายว่าจะโตขึ้น 6.3 เปอร์เซ็นต์ในปี 2023

IMF ได้กล่าวถึงเอเซียแปซิฟิกว่า “ยังเป็นภูมิภาคที่คึกคักมากที่สุดในโลก” และทำนายว่าในปี 2050 จะครองอัตราส่วน GDP ประมาณครึ่งหนึ่งของโลก IMF กล่าวว่าสาเหตุหนึ่งมาจากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) RCEP นั้นเป็นความตกลงการค้าเสรีที่ครอบคลุมที่สุดในโลก ซึ่งได้มีการลงนามจัดทำขึ้นในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2020 ณ การประชุมสุดยอดอาเซียนโดยประเทศสมาชิก 10 ประเทศ ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม นอกจากนี้ประเทศคู่เจรจาของอาเซียน ซึ่งได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ยังได้ร่วมลงนามอีกด้วย ส่วนทางอินเดียนั้นเคยได้เป็นคู่เจรจาในช่วงแรกเริ่ม แต่ก็ได้ถอนตัวในปี 2019 เนื่องจากเกรงว่าการยกเลิกภาษีศุลกากรจาก RCEP อาจทำให้สินค้าจากจีนล้นตลาดได้

การเปลี่ยนแปลงในสภาพตลาดที่ซับซ้อนแต่ก็น่าดึงดูดนี้ได้ปรากฏอยู่ในวงการโลจิสติกส์มาเนิ่นนานแล้ว หน่วยธุรกิจโลจิสติกส์ทางอากาศและทางทะเลในเอเชียแปซิฟิก (APAC) ของ DACHSER นั้นได้ปฏิบัติงานในภูมิภาคนี้ร่วมหลายปี โดยในปี 2022 นั้น ได้มีการจ้างพนักงานกว่า 1,500 รายจาก 45 ตำแหน่งที่ตั้งใน 9 ประเทศ

อยู่ใกล้ลูกค้าและตลาด

การปฏิบัติงานของ DACHSER APAC รวมถึงการผสานการทำงานกับเครือข่ายทั่วโลกของ DACHSER ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นในสำนักงานใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ที่ฮ่องกง “เราอยู่ใกล้กับลูกค้าและตลาด” กล่าวโดย Edoardo Podestà ซึ่งเป็นซีโอโอฝ่ายโลจิสติกส์ทางอากาศและทางทะเลและกรรมการผู้จัดการโลจิสติกส์ทางอากาศและทางทะเลใน APAC เขายังเสริมว่าระยะทางที่ใกล้นี้สำคัญเป็นพิเศษในช่วงการระบาดครั้งใหญ่ ซึ่งหยุดชะงักเป็นอย่างมาก การขนส่งมีข้อจำกัดอย่างต่อเนื่อง และท่าเรือที่จำเป็นต่อการค้าระหว่างประเทศนั้นปิดชั่วคราว ผลก็คือ ค่าระวางพุ่งสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คอนเทนเนอร์สำหรับขนส่งทางทะเลและทางอากาศนั้นหายากและมีราคาแพง

อย่างไรก็ตามในช่วงต้นปี 2023 จีนได้ยกเลิกนโยบายปลอดโควิดซึ่งทำให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ Podestà กล่าวว่า “เมื่อเศรษฐกิจโลกกลับมาเริ่มฟื้นตัว เราได้ทุ่มเทอย่างมากในการกลับไปเจรจาสัญญากับสายการเดินเรือ สายการบิน บริษัทที่ให้บริการขนส่งเช่าเหมาลำ รวมถึงทำให้ซัพพลายเชนกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง” “ตอนนี้เรากลับมาใส่ใจกับการเติบโตได้อีกครั้ง โดยเน้นที่การทำให่้บริการมีความน่าเชื่อถือของบริการและมอบคุณภาพสูงสุด”

สิ่งที่คอยหนุนการดำเนินการนี้คือการที่ DACHSER ขยายเครือข่ายโลจิสติกส์ทางอากาศและทางทะเลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั่นเอง ตัวอย่างเช่น ในเดือนมีนาคมของปีนี้ ทางบริษัทได้เปิดสำนักงานที่จังหวัดเชียงใหม่ในไทยและเมืองดานังในเวียดนาม เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจากลูกค้าในภาคส่วนอุปกรอิเล็กทรอนิกส์ แฟชั่น และการกีฬา

ในเดือนพฤษภาคม DACHSER ได้เริ่มกิจการร่วมค้ากับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในญี่ปุ่นอย่าง Nishi-Nippon Railroad Co. Ltd โดยสำนักงาน “DACHSER Japan K.K.” จะเปิดทำการในโตเกียวปลายปี 2023 นี้ โดยการตั้งสำนักงานในญี่ปุ่นนี้จะให้บริการขนส่งทางอากาศและทางทะเลที่มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับเครือข่ายการขนส่งทางบกในยุโรปของ DACHSER ซึ่งคาดว่าผู้ที่ได้รับประโยชน์ที่สุดคือลูกค้าในอุตสาหกรรมรถยนต์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ DACHSER ยังเห็นถึงโอกาสมากมายในการให้บริการในด้านผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมและการแพทย์ด้วย

DACHSER ยังได้ประสบความสำเร็จไปอีกขั้นในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ จากการควบรวมธุรกิจเมื่อไม่นานมานี้กับ ACA International ซึ่งเป็นตัวแทนขนส่งสินค้าทางอากาศและทางทะเลซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมลเบิร์นในออสเตรเลีย ทำให้ DACHSER สามารถขยับขยายเครือข่ายการขนส่งทางอากาศและทางทะเลได้ในภูมิภาคนี้ได้อย่างทั่วถึง ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เป็นจุดที่น่าดึงดูดในด้านโลจิสติกส์ เนื่องจากมีเศรษฐกิจที่แข็งแรงและใกล้เคียงกับเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1982 ก็ถึงเวลาแล้วที่ ACA International จะเริ่มผสานการทำงานและเริ่มการค้าขายภายใต้ชื่อ DACHSER Australia และ DACHSER New Zealand ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน โดยบริษัทได้จ้างพนักงาน 56 รายและสร้างรายได้ประมาณ 75 ล้านยูโรในปี 2021           

Podestà กล่าวว่า “จากการควบรวมธุรกิจและการเปิดตัวสาขาและสำนักงานใหม่ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำให้เราพา DACHSER Air & Sea Logistics ไปในเส้นทางการเติบโตทำให้เครือข่ายทั่วโลกของเราในตำแหน่งต่างๆ เชื่อมต่อถึงกันมากขึ้นอย่างเป็นระบบ” “ซึ่งก็หมายความว่าเราสามารถให้ลูกค้าของเราเข้าถึงตลาดเศรษฐกิจที่มีชีวิตชีวาตลอดเวลาได้อย่างลื่นไหล ซึ่งมีสภาพแวดล้อมท้องถิ่นน่าดึงดูดและมีระดับการลงทุนที่สูง”